ประเภทของหินตะกอน
นักธรณีวิทยาจำแนกหินตะกอนตามลักษณะการเกิดออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1. หินตะกอนอนุภาค (Clastic rocks) ได้แก่
o หินกรวดมน (Congromorate) เป็น หินเนื้อหยาบเกิดจากตะกอนซึ่งเป็นหิน กรวด ทราย ที่ถูกกระแสน้ำพัดพามาอยู่รวมกัน สารละลายในน้ำใต้ดินทำตัวเป็นซิเมนต์ประสานให้อนุภาคใหญ่เล็กเหล่านี้ เกาะตัวกันเป็นก้อนหิน
o หินทราย (Sandstone) เป็นหินตะกอนเนื้อละเอียดปานกลาง เกิดจากการทับถมตัวของทราย มีองค์ประกอบหลักเป็นแร่ควอรตซ์ คนโบราณใช้หินทรายแกะสลัก สร้างปราสาท และทำหินลับมีด
o หินดินดาน (Shale) เป็นหินตะกอนเนื้อละเอียดมาก เนื่องจากประกอบด้วยอนุภาคทรายแป้งและอนุภาคดินเหนียวทับถมกันเป็นชั้นบางๆ ขนานกัน เมื่อทุบหินจะแตกตัวตามรอยชั้น (ฟอสซิลมีอยู่ในหินดินดาน) ดินเหนียวที่เกิดดินดานใช้ทำเครื่องปั้นดินเผา
2. หินตะกอนเคมี (Chemical sedimentary rocks) ได้แก่
o หินปูน (Limestone) เป็นหินตะกอนคาร์บอเนต เกิดจากการทับถมของตะกอนคาร์บอเนตในท้องทะเล ทั้งจากสารอนินทรีย์ และซากสิ่งมีชีวิต เช่น ปะการัง และกระดองของสัตว์ทะเล ซึ่งถับถมกันภายใต้ความกดดันและตกผลึกใหม่เป็นแร่แคลไซต์จึงทำปฏิกิริยากับ กรด หินปูนใช้ทำเป็นปูนซิเมนต์ และใช้ในการก่อสร้าง
o หินเชิร์ต (Chert) หินตะกอนเนื้อแน่น แข็ง เกิดจากการตกผลึกใหม่ เนื่องจากน้ำพาสารละลายซิลิกาเข้าไปแล้วระเหยออก ทำให้เกิดผลึกซิลิกาแทนที่เนื้อหินเดิม หินเชิร์ตมักเกิดขึ้นใต้ท้องทะเล เนื่องจากแพลงตอนที่มีเปลือกเป็นซิลิกาตายลง เปลือกของมันจะจมลงทับถมกัน หินเชิร์ตจึงปะปะอยู่ในหินปูน
3. หินตะกอนอินทรีย์ (Organic sedimentary rocks) ได้แก่
o ถ่านหิน (Coal) เกิดจากการทับถมของซากพืชที่ยังไม่เน่าเปื่อยไปหมดเนื่องจากสภาวะออกซิเจน ต่ำ สภาวะเช่นนี้เกิดตามห้วยหนองคลองบึง ในแถบภูมิอากาศแบบเส้นศูนย์สูตร การทับถมทำให้เกิดการแรงกดดันที่จะระเหยขับไล่น้ำและสารละลายอื่นๆออกไป ยิ่งมีปริมาณคาร์บอนมากขึ้นถ่านหินจะยิ่งมีสีดำ ลิกไนต์ (Lignite) เป็นถ่านหินคุณภาพปานกลาง มีมากที่เหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง แอนทราไซต์ (Anthracite) เป็นถ่านหินคุณภาพสูง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
หมายเหตุ น้ำมันและก๊าซเชื้อเพลิง เกิดจากการทับถมของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในทะเล เช่น ไดอะตอม (Diatom) และสาหร่ายเซลล์เดียว (Algae) เกิดตะกอนใต้มหาสมุทร ตะกอนโคลนเหล่านี้ขาดการไหลถ่ายเทของน้ำ การเน่าเปื่อยผุพังจึงหยุดสิ้นก่อนเนื่องจากออกซิเจนหมดไป ตะกอนที่ถูกทับถมไว้ภายใต้ความกดดันและอุณภูมิสูง เป็นเวลานานหลายร้อยล้านปีจึงกลายเป็นน้ำมัน (Oil)
ตัวอย่างหินตะกอน
รูป | หิน | แร่หลัก | ลักษณะ | ที่มา |
หินกรวดมน
Conglomerate | ขึ้นอยู่กับ ก้อนกรวด ซึ่งประกอบกัน เป็นหิน | เนื้อหยาบ เป็นกรวดมนหลายก้อน เชื่อมติดกัน | เม็ดกรวดที่ถูกพัดพา โดยกระแสน้ำ และเกาะติดกันด้วย วัสดุประสาน | |
หินทราย
Sandstone | ควอรตซ์ SiO2 | เนื้อหยาบสีน้ำตาล สีแดง | ควอรตซ์ใน หินอัคนี ผุพังกลายเป็นเม็ดทราย ทับถมกัน | |
หินดินดาน
Shale | แร่ดินเหนียว Al2SiO5(OH) 4 | เนื้อละเอียดมาก สีเทา ผสมสีแดง เนื่องจากแร่เหล็ก | เฟลด์สปาร์ใน หินอัคนี ผุพังเป็นแร่ดินเหนียว ทับถมกัน | |
หินปูน
Limestone | แคลไซต์ CaCO3 | เนื้อละเอียดมีหลายสี ทำปฏิกิริยากับกรด | การทับถมกันของ ตะกอนคาร์บอนเนต ในท้องทะเล | |
หินเชิร์ต
Chert | ซิลิกา SiO2 | เนื้อละเอียด แข็งสีอ่อน | การทับถมของซาก สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในท้องทะเล จนเกิดการ ตกผลึกใหม่ของซิลิกา |
ขนาดของอนุภาคตะกอน
ขนาดอนุภาค(มิลลิเมตร) | ชื่อเรียก | ประเภทของตะกอน | ชนิดของหินตะกอน |
>256 | ก้อนหินใหญ่ | กรวด | หินกรว ดมน
หินกรวดเหลี่ยม |
<256> | ก้อนหินเล็ก | ||
<64> | กรวดมน | ||
<2 | อนุภาคทราย | ทราย | หินทราย |
<0.02 | อนุภาคทรายแป้ง | โค ลน | หินดินดาน
หินโคลน |
<0.002 | อนุภาคดินเหนียว |
การทับถม (Deposit) เกิด ขึ้นเมื่อตัวกลางซึ่งทำให้เกิดการ
พัดพา
เช่น กระแสน้ำ กระแสลม หรือธารน้ำแข็ง อ่อนกำลังลงและยุติลง ตะกอนที่ถูกพัดพาจะสะสมตัวทับถมกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิ ความกดดัน ปฏิกิริยาเคมี และเกิดการตกผลึก หินตะกอนที่อยู่ชั้นล่างจะมีความหนาแน่นสูงและมีเนื้อละเอียดกว่าชั้นบน เนื่องจากแรงกดดันซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำหนักตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ (หมายเหตุ: การทับถมบางครั้งเกิดจากการระเหยของสารละลาย ส่วนที่เป็นน้ำระเหยไปในอากาศทิ้งสารที่เหลือให้ตกผลึกไว้เช่นเดียวกับการทำ นาเกลือ)
การกลับคืนเป็นหิน (Lithification) เมื่อเศษตะกอนทับถมกันจะเกิดโพรงขึ้นประมาณ 20 – 40% ของเนื้อตะกอน น้ำพาสารละลายเข้ามาแทนที่อากาศในโพรง
เมื่อเกิดการทับถมกันจนมีน้ำหนักมากขึ้น เนื้อตะกอนจะถูกทำให้เรียงชิดติดกันทำให้โพรงจะมีขนาดเล็กลง จนน้ำที่เคยมีอยู่ถูกขับไล่ออกไป สารที่ตกค้างอยู่ทำหน้า
ที่เป็นซีเมนต์เชื่อมตะกอนเข้าด้วยกันกลับเป็นหินอีก ครั้ง
No comments:
Post a Comment